Tuesday, February 22, 2011

จดหมายร้องเรียนเรื่องคุณพ่อ (#4)ในวันที่คุณพ่อจากไป

จดหมายร้องเรียนเรื่องคุณพ่อ (#1),  (#2), (#3)




8. ในวันที่คุณพ่อจากไป (3-4 กุมภาพันธ์ 2554) 


    ช่วงเย็นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 วันนี้คุณพ่อมีเสมหะเหนียวข้น ซึ่งก็เป็นญาติที่รายงานเรื่องนี้ให้แพทย์ทราบในตอนเย็น แพทย์ได้สั่งยาละลายเสมหะเพิ่มให้ และได้ off MO แบบ tab ไปเนื่องจากพ่อไม่สามารถกลืนได้ และได้เขียนใบ ย.ส. ไว้ให้สำหรับยา 1 dose หากปวดในยามดึก วันนี้พ่อไอมาก ไอบ่อยและไอหนัก บางครั้งเวลาไอ ได้ยินเหมือนเสียงลมรั่วออกจากตัวพ่อ ในจังหวะสุดท้ายของการหายใจออก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 คุณพ่อมีอาการปวดรุนแรงอีกครั้ง ช่วงที่รอยาอยู่นั้นก็คุยกับคุณพ่อ พ่อบอกว่าเหนื่อยมาก ข้าเจ้าได้ยินเสียง secretion เวลาหายใจเข้าออก เลยถามคุณพ่อว่าจะให้ suction ไหม เป็นเรื่องน่าตกที่พ่อ ยอมให้ suction เพราะการ Suction เป็นอะไรที่พ่อบอกว่าเจ็บมาก และจะไม่ยอมให้ทำแสดงว่าพ่อคงเหนื่อยมากจริง ๆ เกือบ ๆ ตีหนึ่งพี่พยาบาลชื่อ xxxxxxxxxx มาฉีด MO ให้กับพ่อ (รอบนี้ใช้เวลารอไม่นาน เพราะคุณหมอเขียนใบ ย.ส. ไว้ให้ ต้องขอบคุณคุณหมอผู้มีเมตตาจิตและใส่ใจในการให้การรักษากับผู้ป่วยระยะสุดท้าย) จึงแจ้งพยาบาลเรื่อง ขอ Suction จากนั้นพยาบาลที่ชื่อ xxxxxxxxxx ก็ไปเตรียม ชุด suction มา suction ให้คุณพ่อ ช่วงนี้คุณแม่ซึ่งอยู่เวรบ่าย-ดึก ก็เขามาเยี่ยมคุณพ่อพอดี เลยเล่าให้ฟังว่าพ่อยอมให้ suction ด้วย แม่แสดงอาการเป็นห่วงมาก ๆ เพราะปรกติพ่อจะไม่ยอมให้ suction เลยทีเดียว  เมื่อติดตั้งชุด Suction เสร็จการ Suction ก็เริ่มต้นขึ้น พ่อให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจาก suction ผ่านไปดูเหมือนคุณพ่อจะดีขึ้นบ้าง....



เหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ดีในคืนนี้ แต่แล้วคุณแม่ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ คล้าย ๆ เสียงดูดน้ำก้นแก้ว ซึ่งมันดังมาจากสาย ICD ของพ่อ คุณแม่ได้ทำการสำรวจพบว่า ขวดน้ำใบที่สอง ที่ทำหน้าที่เป็นวาล์วกั้นอากาศจากภายนอกไม่มีน้ำเหลืออยู่เลยข้าพเจ้าตกใจจึงรีบตามพยาบาลให้มาดู เมื่อพยาบาลมาดู เค้าก็ทำการเปลี่ยนขวดใบที่สองใหม่ แต่ ICD ก็ยังไม่ทำงาน จึงได้ตามเพื่อนพยาบาลวิชาชีพจากวอร์ดอื่น ๆ มาช่วยดู สุดท้ายก็ต้องเรียกแพทย์มาดู เมื่อแพทย์มาดู เบื้องต้นก็แจ้งว่าน่าจะมีเรื่องของการเสียความดันภายในปอดทำให้อากาศไหลดันน้ำจากขวดที่สองไปขวดที่หนึ่งได้ แพทย์ได้เปิดแผลดูพบว่า ICD อยู่ที่ขีด 6 และสั่ง Chest X-ray ข้าพเจ้าได้ถามแพทย์ว่าผล x ray เป็นอย่างไรแพทย์แจ้งว่ามี Pneumothorax ซึ่งอาจจะเกิดจากสายเลื่อนเวลาทำแผลได้ แต่แพทย์ไม่พูดถึงการไม่ pack Vaseline gauze เลย ซึ่งข้าพเจ้าสงสัยเป็นอย่างมาก แพทย์ได้ทำการเปลี่ยสาย ICD ใหม่ โดยใช้สายขนาดเดิมแต่เลื่อนสายไปที่ขีด 8 เมื่อเสร็จแล้วก็ออกจากห้องไป หลังจากนั้นไม่มีการกระทำใด ๆ กับพ่ออีกแม้แต่วัด Vital Signs หรือ Chest X ray ข้าพเจ้าจึงเดินไปถามที่ counter พยาบาลว่าไม่มี X-Ray เหรอพยาบาลวิชาชีพ xxxxxxxxxx ตอบว่าหมอสั่งตอนเช้า ข้าพเจ้าหมดคำพูด และรับทราบ..จึงเดินกลับมาที่ห้อง เมื่อถึงห้องพ่อเริ่มมีอาการเหนื่อยอีกครั้งหนึ่ง เลยไปตามพยาบาลวิชาชีพมาดูอีกครั้ง และขอให้ช่วย suction ให้ ณ จุดนี้ต้องไปตามถึงสองครั้งกว่าพยาบาลวิชาชีพชื่อ xxxxxxxxxx จะมาได้ เมื่อมาถึง  suction ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก พยาบาลจึงเดินกลับไป สักครู่พ่อเริ่มมีอาการหน้าเขียวซีดจากการขาดอากาศหายใจ ดูทรมานมาก ข้าพเจ้าวิ่งไปรายงานพยาบาลที่ counter ถึงสองครั้ง และได้พูดว่าอยากจะให้ใส่ tube ช่วยก่อนเพราะปัญหาเหนื่อยหอบหายใจไม่ได้ของพ่อครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากตัวโรคแต่เกิดจากสาเหตุอื่น อย่างแน่นอน (ข้าพเจ้าเชื่ออย่างหมดใจว่า pneumothorax ที่เกิดขึ้นกับพ่อนั้นเกิดจากการที่ไม่ pack Vaseline gauze นั่นเอง) พยาบาลวิชาชีพ ชื่อ xxxxxxxxxx ได้แต่บอกว่า “รายงานหมออยู่” แต่พยาบาลวิชาพีพอีกท่านไม่รู้ไปอยู่ไหน .....

>>>>>ไม่มีการรีบเร่ง ไม่มีการกระตือรือร้นที่จะมาประเมินคนไข้ ไม่มีการเร่งร้อนลากรถเข็น ไม่มีการเร่งร้อนรายงานขอความช่วยเหลือ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ข้าพเจ้ากลับมาที่ห้องแล้วแม่บอกว่าไม่ให้ไปไหนอยู่กับพ่อตรงนี้ คุณหมอเชื่อไหมครับพ่อหยุดหายใจภายในอ้อมกอดแม่ ข้าพเจ้าช่วยเป่าปากพ่อ หวังลึก ๆ ว่าจะช่วยต่อเวลาได้ บ้าง พยาบาลเข้ามาเมื่อ อะไร ต่อมิอะไร มันช้าไปหมดแล้ว พวกเขาเข้ามาพร้อม mask with bag และ Oxygen monitor ซึ่งตอนนั้น ก็เริ่มวัด Oxygen ไม่ได้ pulse rate เริ่มหายไป แม้แต่ตรง Jugular ก็คลำไม่ได้ แม่ร้องไห้ลั่นปานจะขาดใจ ตอนแรกข้าพเจ้าก็จะให้ใส่ท่อแต่แม่บอกว่าไม่ต้องหรอกลูกให้พ่อไปสบายเถอะ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในโรงพยาบาลที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วนเลย แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะการขาดความเป็นมืออาชีพในงานของตนเอง ละเลย ไม่ใส่ใจ ไม่กระตือรือร้น ทำให้เกิดการศูนย์เสียแบบนี้ขึ้นในโรงพยาบาลแห่งนี้ ......

หากเป็นญาติหรือคนรักของพวกเขาเหล่านั้นละ ???

แพทย์เข้ามาหลังจากคนไข้หยุดหายใจไปแล้ว มีเพียงคำแสดงความเสียใจจากแพทย์เท่านั้น ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาจากพยาบาลวิชาชีพหรือน้อง PN เหล่านั้นเลย หลังจากจัดการ ถอดสาย Catheter ต่าง ๆ ออกจนหมด ก็มีน้อง PN เข้ามาถามว่าจะเช็ดตัวไหม ซึ่งข้าพเจ้าก็ปฏิเสธไป จากนั้นแม่ก็โทรตามญาติ ให้มาช่วยสำหรับเตรียมพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป แม่ไปอาบน้ำให้ข้าพเจ้ากับญาติอีกคนอยู่เป็นเพื่อนพ่อ จากนั้นจึงโทรมาเรียกข้าพเจ้าไปอาบน้ำเตรียมตัวสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา โดยให้ญาติอีกท่านเป็นผู้เฝ้าเพื่อรอให้ข้าพเจ้าและแม่นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่เมื่อครบสองชั่วโมงทางพยาบาลให้ส่งผู้ตายลงไปที่ห้องดับจิตทันทีโดยที่ไม่ยอมรอให้ญาติมาก่อน อ้างว่าไม่ได้แจ้งไว้ ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าให้ญาติอยู่แจ้งแล้ว และญาติเล่าว่ามีพยาบาลตรวจการถามว่าเอารออีกสักครู่ไม่ได้เหรอ พยาบาลประจำตึกพิเศษชื่อ xxxxxxxxxx บอกว่าไม่ได้ครบสองชั่วโมงแล้วต้องเอาลง ซึ่งตรงนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา แต่สำหรับคุณแม่แล้วถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียใจเป็นอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง คุณพ่อทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาทั้งชีวิตจนเกษียร ไม่เคย admit เลยแม่แต่ครั้งเดียวซึ่งทุกคนทราบดี และการ admit ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ตั้งแต่ admit จนคุณพ่อเสีย คุณพ่อกลับได้รับการปฏิบัติที่ ละเลย เพิกเฉย ไม่เห็นอกเห็นใจ เหมือนกับว่ายังไงก็ต้องตาย ได้ทำอะไรก็ได้ ไม่ผิด แม้กระทั่งตอนที่หมดลมหายใจก็มิได้รับน้ำใจใด ๆ จากพยาบาลที่วอร์ดนี้เลย (หมายถึงการไม่ยอมให้รอเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง)
สำหรับเรื่องนี้พยาบาลแจ้งว่าคุณแม่ไม่ได้บอกเอาไว้ แต่ตอนที่คุณแม่กลับไปอาบน้ำและเตรียมเสื้อผ้าให้กับคุณพ่อนั้นไม่มีพยาบาลอยู่ที่เคาท์เตอร์  จึงไม่สามารถจะแจ้งใครได้ แต่ได้ฝากญาติไว้แล้ว

9. ขาดซึ่งหัวใจบริการและการใส่ใจ
ตลอดเวลาที่คุณพ่อนอนรักษาตัวที่นี่ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าพ่อถูกปฏิบัติเยี่ยงคนที่ต้องตาย จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีการห่วงสวัสดิภาพของคนไข้เลย ไม่มีความใส่ใจในวัตรปฏิบัติ ไม่มีความกระตือรือร้นในการดูแลผู้ป่วย ในภาวะวิกฤติ ทำงานให้ผ่านไปวัน ๆ แค่นั้นเอง
เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากพยาบาลมีความใส่ใจ กระตือรือร้น มีความเป็นมืออาชีพ และซื่อสัตย์ในวิชาชีพตนเอง การอยู่ของคนไข้ระยะสุดท้ายที่มีสติรู้ตัวดี นั้น แม้แต่ 1 วันก็มีคุณค่า เพราะเค้าสามารถที่จะรับการดูแลดี ๆ จากคนที่เค้ารัก รู้สึกสัมผัสมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนที่มาเยี่ยม ซาบซึ้งในน้ำใจและความเป็นห่วงจากผู้คนรอบข้างที่รักเค้า คุณพ่อควรจะจากไปอย่างสงบและสวยงามกว่านี้ไม่ควรจะต้องจากไปด้วยความทรมาณ.....

ข้าพเจ้าหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการจากไปของบิดาข้าพเจ้าจะนำมาซึ่งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของระบบรักษาและดูและผู้ป่วยให้ได้รับการพยาบาลที่ดีมีมาตรฐานและเคารพสิทธิผู้ป่วยให้มากขึ้นเพื่อสวนรวมสืบต่อไป

      ด้วยจิตคารวะ

     (นาย ประโยชน์ มีหมุดเพ็ชร)
          บุตรชายของผู้เสียชีวิต
                       08-831-7615

หมายเหตุ
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 ได้มีการพูดคุยกับทางฝ่ายการพยาบาล หัวหน้าตึกต่าง และแพทย์ ในเรื่องนี้แล้วและทางฝ่ายการได้รับเรื่องไว้เพื่อปรับปรุง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านผู้อำนวยการมีความจำเป็นต้องรับทราบในเรื่องดังกล่าวนี้ เพราะท่านผู้อำนวยการเป็นหัวเรือใหญ่ และเป็นหางเสือที่กำหนดทิศทางงานคุณภาพบริการของโรงพยาบาลแห่งนี้ และหากมีการแก้ไขเชิงนโยบายซึ่งออกมาจากท่านผู้อำนวยการแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดแน่นอนคือ ผู้ป่วยและโรงพยาบาลนั่นเอง และเพื่อมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ยืนยันว่ามีการร้องเรียนปัญหาดังกล่าวนี้จริง
และที่ผ่าน ๆ มา เกิดเรื่องราวที่ผิดพลาดและมีเรื่องร้องเรียนมากมายในตึกพิเศษ แต่ก็เห็นว่าเงียบหายไป อาจจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขอให้จดหมายฉบับนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาอย่างแท้จริงด้วยเถิด
ข้อเสนอแนะ เรื่อง Incident Report Form ข้าพเจ้าว่าเขียนยากทั้งภาษาและ ตาสี ตาสาก็ไม่รู้ว่ามันมีใบนี้อยู่ และเค้าก็คงเขียนเองไม่ได้

No comments:

Post a Comment