Tuesday, February 15, 2011

จดหมายร้องเรียนเรื่องคุณพ่อ (#1)

วันพุธ ที่ 16 มกราคม พ.ศ.2554
เรียน ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลxxxxxxxxxx
เรื่อง ร้องเรียนการปฏิบัติงานบกพร่องและผิดพลาดของเจ้าหน้าพยาบาลตึกxxxx

                จดหมายฉบับนี้มิได้มีเจตนาร้องเรียนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จุดมุ่งหมายของจดหมายฉบับนี้นั้นเพื่อที่จะให้ท่านผู้อำนวยการได้ทราบว่ามีเรื่องที่เกิดจากการปฏิบัติงานไม่ได้มาตรฐานแบบนี้อยู่ในโรงพยาบาลที่ท่านรับผิดชอบ เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนผู้เจ็บป่วยทั่วไปได้จริง ๆ เพื่อลบคำครหาและหมิ่นประมาทว่าเป็นโรงพยาบาลฆ่าสัตว์ และเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยเมตตาอย่างแท้จริง
                บิดาของข้าพเจ้านายบัญญัติ มีหมุดเพ็ชร (เจ้าหน้าที่เก่าแก่ของโรงพยาบาลที่เกษียณอายุไปแล้ว 6 ปี)  เป็นคนไข้ที่ถูกส่งไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งปอดระยะสุดท้าย และมีการลุกลามไปหลาย ๆ อวัยวะ เนื่องด้วยเหตุความจำเป็นจึงขอย้ายกลับมาดูแลที่โรงพยาบาล xxxxxx ได้ขึ้นพักตึก xxxx ห้อง xxx ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554 ในช่วงบ่าย ตลอดเวลาที่ได้รับการดูแลและพยาบาลข้าพเจ้าพบข้อผิดพลาดมากมายในวัตรปฏิบัติของพยาบาล ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงการขาดการเป็นมืออาชีพในงานของตน การขาดการใส่ใจดูแลคนไข้ จนข้าพเจ้ารู้สึกว่าคุณพ่อของข้าพเจ้าได้รับการดูแลประหนึ่งคนที่อย่างไรก็ต้องตายไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด ซึ่ง ณ ปัจจุบันบิดาของข้าพเจ้าได้สิ้นลมหายใจไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมพาพันธ์ 2554 เวลาประมาณตี 4
               ข้าพเจ้าขออนุญาตลำดับเหตุการณ์วัตรปฏิบัติที่ผิดพลาดและบกพร่อง ของเจ้าหน้าพยาบาลตึกพิเศษดังต่อไปนี้



 1. การขาดการใส่ใจในการกิจ Bed bath
                ในวันที่ 19 ม.ค. 54 เช้าวันนี้เป็นวันแรกที่มีการ bed bath ในการเช็ดตัวครั้งนี้พยาบาลท่านหนึ่งได้มาช่วยเช็ดตัวคุณพ่อของข้าพเจ้า พยาบาลท่านนี้ได้ใช้เสื้อผู้ป่วยที่ใช้แล้วเช็ดบนตัวผู้ป่วย ซึ่งคุณแม่ข้าพเจ้าก็ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ให้แล้ว คุณแม่ซึ่งช่วยเช็ดตัวอยู่ตรงนั้น จึงไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ได้แต่พูดว่า คุณลุงเป็นเบาหวานผิวบาง เช็ดแรง ๆ ไม่ได้เดี๋ยวคุณป้าจะทำเอง  พอคุณแม่เช็ตตัวให้คุณพ่อด้านบนคุณพยาบาลท่านนั้นก็ลงไปทำความสะอาดตรงบริเวณ perineum โดยใช้ สบู่เหลวยี่ห้อ protect เทลงไปโดยที่ อวัยวะเพศของคุณพ่อโดยตรง ซึ่งมันไม่ถูกต้องเลย ปรกติสบู่จะต้องถูกเทลงฝ่ามือแล้วขยี้ให้เป็นฟอง จึงจะฟอกได้ ตอนนี้คุณแม่ของผมก็โกรธมากแต่ก็ยังไม่พูดอะไร ได้แต่บอกว่าป้าจะทำเอง ซึ่งหลังจากนั้นมาพวกเราสองคนแม่ลูกจะช่วยกันเช็ดตัวคุณพ่อตลอดมา เพราะคุณพยาบาลทำแรง และไม่ใส่ใจ และพ่อเจ็บ จนคุณพ่อปฏิเสธการเช็ดตัวในตอนเช้าจากพยาบาล จึงมีแต่เราสองคนแม่ลูกที่เช็ดตัวให้พ่อได้ จนสุดท้ายเราสองคนแม่ลูกก็รับหน้าที่นี้ไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งหลังจากเราอาบน้ำเช็ดตัวคุณพ่อเสร็จจึงร้องขอความช่วยเหลือเรื่องการปูเตียงซึ่งในเรื่องการปูเตียงพวกเราได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี
            
2. ระบบยาที่เชื่องช้า นำมาซึ่งความเจ็บปวดทุรนทุราย
                 ในครั้งแรกของการปวดจากโรคมะเร็งระยะสุดท้ายนั้น พ่อได้ยา MO ช้ามาก ๆ พยาบาลแจ้งเหตุผลว่าแพทย์ order ไว้แต่ไม่มีการเขียนใบ ยส ไว้ก่อน เวลาต้องการยาจึงไม่สามารถได้ยา MO มาบรรเทาปวดได้ทันท่วงที และต้องรายงานแพทย์ก่อน ซึ่งแพทย์เวรนั้นบางเวรก็มีการตอบสนองช้ามาก ๆ จนคุณแม่ต้องไปขอความอนุเคราะห์จากแพทย์ท่านอื่นในการกรุณาลงนามใบ ยส จึงจะได้ยามา สำหรับ MO Dose แรก นั้นผมพอเข้าใจ เพราะอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้
                ในวันที่ 1 และ 2 ก.พ. 54 ช่วงนี้พ่อมีอาการปวดถี่ขึ้น และต้องการยาถี่ขึ้นสัมพันธ์กับอาการปวด เฉลี่ย 8hr / dose (ปรกติที่ผ่านมา 1 dose พ่อจะอยู่ได้โดยไม่ปวดทรมานประมาณ 24-36 ชั่วโมง)

                การรอคอย MO ที่แสนยาวนาน
                3 ก.พ. 2554 เวลาประมาณเที่ยง พ่อมีอาการปวดรุนแรงมาก ๆ ต้องเรียกว่าปวดจนควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ได้ไปขอยากับพยาบาลที่เคาเตอร์ คำตอบคือ “ติดเที่ยงต้องรอให้หมอขึ้นมาเซ็นต์ใบ ยส  ผมทำใจและยอมรับจึงเดินกลับไปอยู่กับคุณพ่อซึ่งดิ้นทุรนทุรายจากความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พอดีกับคุณแม่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลได้เดินจากแผนกที่ทำงาน เพื่อมาดูแลพ่อในช่วงพักเที่ยง เมื่อมาเจอสภาพของพ่อ ซึ่งปวดทุรนทุรายคุณแม่รู้สึกสงสารพ่อมาก จึงตัดสินใจจึงเดินไปขอยากับพยาบาลอีกครั้ง คำตอบยังคงเหมือนเดิมคือต้องรอคุณหมอ คุณแม่เลยขอคำปรึกษาจากพี่ ๆ พยาบาลระดับหัวหน้าในแผนกอื่น ๆ ได้รับคำแนะนำว่าให้มาขอใบ ยส ใบให้คุณหมอเซ็นต์สั่งยาได้เลยเพราะปวดมากรอไม่ได้  แม่ก็ได้ไปที่เคาท์เตอร์พยาบาลตึกxxxxอีกครั้งหนึ่ง และขอใบ ยส ครั้งนี้คุณแม่โดนต่อว่าว่า  จะเป็นการหักหน้า ข้ามหน้าข้ามตาเจ้าหน้าที่ และแพทย์จะไม่มา round ward ที่ตึกอีก สรุปต้องรอต่อไป......คุณพ่อได้รับการฉีด MO เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ

                ส่วนตัวแล้วถึงแม้จะเข้าใจระบบ แต่ข้าพเจ้าคิดว่ามันน่าจะมีความยืดหยุ่น เพราะอาการปวดของมะเร็งระยะสุดท้ายนี้มันรุนแรงมากมายจริง ๆ (เกิดมาผมเพิ่งเคยเห็นคุณพ่อถ่ายเรี่ยราดจากอาการปวดครั้งแรกในชีวิต) อีกอย่าง case นี้ทราบอยู่แล้วว่าผู้ป่วยต้องได้ฉีด MO เป็น dose เพื่อ บรรเทาปวด ดังนั้นจึงน่าจะมีการวางแผนที่ดีในการให้ยา (ที่ตึกพิเศษโรงพยาบาลเจริญกรุงเมื่อผู้ป่วยปวดแทบจะไม่ต้องรอยาเลยแค่บอกพยาบาลไม่เกิน 5 นาทีก็ได้ฉีด MO แล้ว)
                การที่คุณแม่ไปขอใบ ยส นั้นก็คงเป้นเรื่องไม่ถูกต้องนัก แต่ผมเชื่อย่างสุดหัวใจเลยครับท่าน ผอ.ว่าถ้าเป็นญาติหรือพ่อแม่ของพยาบาลในตึกนั้น พวกเค้าเหล่านั้นก็จะกระเสือกกระสนให้ได้มาซึ่งยา MO สำหรับฉีดบรรเทาปวด อย่างเร็วที่สุด
                อีกเรื่องหนึ่งจากบทสนทนาตอนคุณแม่ที่ไปขอใบ ยส. สิ่งที่พยาบาลให้ความสำคัญกลับไม่ใช่การใส่ใจความรู้สึกของผู้ป่วยและญาติ แต่กกลับให้ความสำคัญกับเรื่องภาพ

ลักษณ์ของแผนก และแคร์ความรู้สึกแพทย์มากเกินไป และอะไรคือ ความสำคัญของหัวใจพยาบาล ?

(to be continue #2)

No comments:

Post a Comment